20/03/2023
Breaking News

Clubhouse คืออะไร ทำไมถูกแบนในจีน

“ค่ายปรับทัศนคติ” ที่เขตซินเจียงของจีนมีจริงหรือไม่ ไต้หวันควรได้รับเอกราชจากจีนหรือเปล่า หัวข้อสนทนาเหล่านี้กำลังเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงผ่านแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียชื่อ คลับเฮาส์ (Clubhouse) ที่คนใช้เสียงคุยกันอย่างเดียว และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้

ก็เลยไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันคนในจีนไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันนี้ได้แล้ว
แอปพลิเคชันนี้เป็นอย่างไร
คลับเฮาส์เป็นแอปพลิเคชันที่ยังคงใช้ได้เฉพาะในหมู่คนใช้โทรศัทพ์โทรศัพท์มือถือไอโฟนเพียงแค่นั้น และก็จะต้องได้รับ “คำชวน” จากคนที่ใช้แอปฯ อยู่แล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปใช้เพื่อคุยกันทางเสียงเพียงแค่นั้น ลักษณะซึ่งคล้ายๆครึ่งหนึ่งวิทยุสื่อสาร ครึ่งหนึ่งห้องประชุมออนไลน์ ดังคุณกำลังฟังเพียงพอดติดอยู่สต์แบบสดๆแต่ก็สามารถเข้าไปคุยได้ด้วย
ข้อมูลที่ได้มาจากบริษัทวิเคราะด้านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เซ็นเซอร์ทาวเวอร์ (Sensor Tower) นับถึงวันที่ 31 มกราคม พบว่ามีการดาวน์โหลดแอปฯ นี้ไปแล้ว 2.3 ล้านครั้งร่วมกัน ภายหลังเปิดตัวเมื่อ เดือนพฤษภาคม ที่แล้ว โดยในช่วงเวลานั้นมูลค่าของโครงข่ายโซเชียลมีเดียนี้อยู่ที่แทบ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แต่มีแถลงการณ์ว่าเมื่อเร็วๆนี้ ขยับขึ้นไปแตะพันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แล้ว
ในเชิงเคล็ดวิธีแล้ว แอปฯ นี้มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุว่าเป็นไปไม่ได้เลือกให้คนอัดเสียงบทสนทนาเอาไว้ได้ แต่ก็มีในกรณีที่มีคนแอบอัดเสียงเสวนาของคนมีชื่อเสียง แล้วเอาไปอัปโหลดลงยูทิวบ์ในวันหลัง
ในขณะนี้ผู้มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา เริ่มหันมาใช้แอปฯ นี้มากขึ้นเรื่อยๆอาทิ โอปราห์ วินฟรีย์ เดรก และก็จาเรด เลโต จากที่เคยใช้กันในกลุ่มผู้ที่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีและก็นักลงทุน ในแถบซิลิคอนแวลลีย์ของสหรัฐอเมริกา เพียงแค่นั้น จนตราบเท่ายอดดาวน์โหลดพุ่งเป็นเท่าตัวข้างหลังอีลอน มัสก์ และก็มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เริ่มใช้แพลตฟอร์มนี้ด้วย
ช่องโหว่

02 - Clubhouse คืออะไร ทำไมถูกแบนในจีน
ก่อนหน้าที่ผ่านมาคนในจีนสามารถใช้แอปฯ นี้ได้จนถึงเมื่อต้นอาทิตย์ที่แล้ว โดยในระหว่างช่วงเวลาสั้นๆนั้น คนได้ถือโอกาสใช้ “ช่องโหว่” นี้ คุยกันถึง “เรื่องต้องห้าม” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาวอุยกูร์ในสินเจียง การกำจัดผู้คัดค้านฮ่องกง หรือความเกี่ยวเนื่องระหว่างไต้หวันกับจีน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าอินเทอร์เน็ตจริงๆ” หญิงจากจีนแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งรายงานในห้องสนทนาหนึ่ง
บีบีซีมีโอกาสได้เข้าไปฟังบทสนทนากลุ่มนี้ด้วย อย่างในห้องสนทนาที่ชื่อ “Everyone asks Everyone” เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน คนจากอีกทั้งจีนและก็ไต้หวันร่วมคุยกันด้วยภาษาจีนกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประโยชน์ซึ่งมาจากระบบประชาธิปไตยในประเทศที่คนพูดภาษาจีน ความเป็นไปได้ที่จีนจะมารวมไต้หวันเข้าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศอย่างเป็นทางการ ไปจนถึงเรื่องเฉพาะบุคคล
ท่ามกลางความเคร่งเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันและก็ฮ่องกง นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง เพราะจีนใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนสำหรับในการคัดเลือกกรองและก็ตรวจทานข้อมูลการใช้แรงงานอินเทอร์เน็ตของราษฎร ซึ่งนักวิจารณ์เรียกวัสดุกลุ่มนี้แบบเสียดสีว่า “กำแพงไฟร์วอลล์เมืองจีน” (great firewall)
ในขณะนี้ ถ้าเกิดคนที่วิจารณ์รัฐบนแพลตฟอร์มที่ยังคงใช้ได้ในประเทศอย่างเว็บ เว่ยป๋อ (Weibo) และก็แอปพลิเคชันวีแชต (WeChat) ก็อาจถูกทางการจัดการได้ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆที่คนในจีนสามารถใช้คลับเฮาส์ได้ ไม่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหาการเสวนาแต่อย่างใด ทำให้คนก็รู้สึกไม่เป็นอันตรายในระดับหนึ่งด้วยเหตุว่าเป็นไปไม่ได้เลือกให้คนอัดเสียงบทสนทนาเอาไว้ จนถึงจุดหนึ่งมีคนร่วมในห้องสนทนาดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วพร้อมกันถึง 5 พันคน
“ว่ากันตรงๆมันก็มีการโฆษณาชวนเชื่อกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ทำไมเราไม่พากเพียรมารู้เรื่องกันและกันให้มากยิ่งขึ้น เห็นใจกัน และก็ให้การเกื้อหนุนกัน” หญิงจากไต้หวันคนหนึ่งกล่าว
เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว มีห้องสนทนาชื่อ “มีค่ายกักกันที่สินเจียงหรือไม่” (Is there a concentration camp in Xinjiang?) ที่คนเข้าไปโต้แย้งกันนานถึง 12 ชั่วโมง ฟรานซิส (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตกรุ๊ปบอกกับบีบีซีว่า กลุ่มนี้ไม่ได้มีเพื่อตั้งคำถามว่าค่ายกักกันมีใช่หรือไม่ แต่เพื่อคนมีให้ความคิดเห็นที่ต่างกันต่อแนวทางของจีนในเขตปกครองสินเจียง
“ผู้ฟังที่เป็นชาวจีนเชื้อสายฮั่นผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเคยไม่เชื่อว่ามีค่ายกลุ่มนี้จริง รู้สึกร่วมไปกับคำบอกเล่าเรื่องราวชีวิตจากปากชาวอุยกูร์และก็รู้เรื่องท้ายที่สุดว่ามีเรื่องมีราวร้ายกาจเพียงใดเกิดขึ้น นี่อาจเป็นความสำเร็จสูงสุดของกรุ๊ปเสวนานี้” ฟรานซิส ซึ่งเป็นเป็นนักทำหนังชาวจีนเชื้อสายฮั่นที่อาศัยอยู่ในนครลอสแอนเจลิส กล่าว
ข้อไม่สบายใจ
ในขณะที่แอปฯ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็เริ่มมีความรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้นเช่นกันโดยคนวิจารณ์ว่าไม่มีมาตรการควบคุมผู้เข้าร่วมบทสนทนา
เมื่อเดือน ธ.ค. เครก เจนกินส์ เขียนเนื้อหาบทความลงในเว็บวัลเชอร์ (Vulture) ว่า ถ้าเกิดคนที่สร้างกรุ๊ปและก็รอควบคุมบทสนทนาไม่ระวัง การเสวนาก็อาจเปลี่ยนเป็นการโจมตีกันและกันได้
เขาบอกอีกว่า จะต้องรอดูกันต่อไปว่าคนแค่พอใจแอปพลิเคชัน ที่ในระดับหนึ่งก็ไม่มีความแตกต่างจากการเลียนแบบประสบการณ์การแชตออนไลน์กับคนที่ไม่รู้จักในสมัยทศวรรษ 90 เพียงแต่เพราะในช่วงเวลานี้เราจะต้องอยู่กับบ้านและก็รู้สึกเหงาหงอยหรือไม่
Clubhouse ในไทย
แอปพลิเคชันนี้กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนไทยมากขึ้นเช่นกัน ในรอบอาทิตย์ก่อนหน้าที่ผ่านมามีผู้ใช้โซเชียลมีเดียและก็ “อินฟลูเอนเซอร์” ในโลกออนไลน์ผู้คนจำนวนมากโพสต์ข้อความชี้แจงประสบการณ์การร่วมหรือเป็นเจ้าภาพ (โฮสต์) การเสวนาในหัวข้อต่างๆในคลับเฮาส์ ดังเช่น สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ เปิดห้องสนทนาหัวข้อ “แนวทางเปลี่ยนใจกองเชียร์ทหาร” และก็ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์พันธ์ นักวิชาการและก็ผู้ลี้ภัยการเมือง เปิดห้องสนทนาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์และก็ในหลวงรัชกาลที่ 10
นักการเมือง นักวิชาการ นักวิจารณ์และก็สื่อมวลชนที่เป็นที่รู้จักหลายชิ้นขึ้นเรื่อยต่างก็ดาวน์โหลดคลับเฮาส์มาใช้และก็ร่วมการเสวนา
เมื่อเร็วๆนี้ยังมีผู้ตั้งบัญชีทวิตเตอร์ @ClubhouseTh ซึ่งไม่ได้เป็นบัญชีทางการของแอปพลิเคชัน เพื่อเป็นหนทางให้บรรดาเจ้าของงานห้องสนทนาคลับเฮาส์ โฆษณาห้องสนทนาของตน ซึ่งปรากฏว่ามีการโฆษณาห้องสนทนาในหัวข้อที่นานัปการ ตั้งแต่เรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ การบ้านการเมืองในเมียนมา แชร์ประสบการณ์ชั่วร้ายสำหรับในการดำเนินการ ไปจนถึงเรื่องทำนายดวงและก็ไสยเวท
ทวิตเตอร์ @ClubhouseTh ยังให้ข้อมูลด้วยว่าห้องสนทนาของ ดร.ปวิน เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 10 ช่วงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ “สร้างปรากฏการณ์ใหม่กับการนำห้องคลับเฮาส์เต็มถึง 2 ห้องๆละ 6 พันคน ยอดฟังกว่า 1.2 หมื่นคน”