“ลิเวอร์พูล” กลับมาชนะเป็นนัดหมายลำดับที่สองติดต่อกันในลีกหลังบุกไปดับซ่าเจ้าของบ้าน เวสต์หมูแฮม 3-1 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เหมาคนเดียวสองประตูให้ ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 40 คะแนนแซง เลสเตอร์ ขึ้นอันดับ 3 ตามหลังรองจ่าฝูง แมนฯยูไนเต็ด แค่แต้มเดียว และก็ตามจ่าฝูง “เรือใบสีฟ้า” 4 คะแนนแต่ว่าแข่งมากกว่าหนึ่งเกม
สนาม : ลอนดอน สเตเดี้ยม
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วีกที่ 21 เมื่อคืนนี้วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง เวสต์หมูแฮม อันดับ 5 เปิดบ้านต่อกรแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ซึ่งรั้งอันดับ 4 คู่นี้เจอะกันเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็น “ลิเวอร์พูล” เชือดเอาชนะไปได้ 2-1 ส่วนฟอร์มปัจจุบันของทั้งสองเมื่อตอนกึ่งกลางวีกที่ผ่านมานั้น “ขุนค้อน” ยังรุนแรงบุกไปตบ คริสตัล พาเลซ 3-2 เหมือนกันกับ ลิเวอร์พูล ที่คืนฟอร์มเก่งบุกไปอัด สเปอร์ส 3-1
เดวิด มอยส์ นายใหญ่ของ เวสต์หมูแฮม ยังคงใช้ขุมกำลังชุดเดิมเป็นแกนหลักมิคาอิล อันโตนิโอ ยืนหน้าเป้า จาร์ร็อด โบเว่น, ซาเหนื่อย เบนราห์ม่า และก็ขว้างโบล ฟอร์ท้องนาลส์ ช่วยเหลืออยู่ข้างหลัง ในขณะที่ เจสซี่ ลินการ์ด แข้งใหม่ที่ยืมมาจาก แมนฯยูไนเต็ด ไม่มีชื่อในเกมวันนี้
ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรับทัพโรเตชั่นผู้เล่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรุกขาด ซาดิโอ มาเน่ ที่บาดเจ็บ ในขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นสำรอง โดยเปิดโอกาส ดิว็อค โอริกี้ พอดีจริงร่วมกับ เซอร์ดาน ชากิรี่ และก็โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวซัลโวของลีก
ครึ่งแรก เริ่มมาได้แค่ 6 นาทีแรก ลิเวอร์พูล สบโอกาสทักก่อนเลยหลัง เซอร์ดาน ชากิรี่ แทงทะลุช่องให้ ดิว็อค โอริกี้ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ว่าบอลโด่งหลุดกรอบออกไป อีกสองนาทีต่อมา ไวจ์นัลดุม ลองซัดนอกกรอบดูบ้างแต่ว่าบอลก็เหาะคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาที 26 “ขุนค้อน” เกือบได้ลุ้นขึ้นนำไปก่อนหลัง แอรอน เครสส์เวลล์ หักเข้ากึ่งกลางมาให้ ขว้างโบล ฟอร์นัลส์ ซัดไม่ถึง 15 หลาบอลพุ่งไปไถลไม่ลเนอร์ก่อนจะโดน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กระแทกสกัดก่อนเข้าประตูจวนเจียน
อีกสองนาทีถัดมา “ลิเวอร์พูล” มีโอกาสขึ้นนำเหมือนกัน ซาลาห์ พักบอลก่อนคืนหลังให้ ชากิรี่ วิ่งมาซัดในกรอบแต่ว่าบอลยังโดน เคร็ก ดอว์สัน พุ่งมาบล็อคไถลออกหลัง
นาที 45 ตำหนิอาโก้ ผ่านบอลตัดแนวรับขุนค้อนให้ ดิว็อค โอริกี้ โฉบมาสไลด์บอลก่อนถึง ฟาเบีนนสกี้ แต่ว่าบอลหลุดเสาแรกแบบได้เสียว
อีกนาทีถัดมาในช่วงทดเวลาเจ็บ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สบโอกาสซัดเข้ากรอบเป็นหนแรกของเกม แต่ว่าบอลก็ยังไม่ผ่านมือ ฟาเบียนสกี้ รับเข้าซองไว้ได้
จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เวสต์หมูแฮม เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง “ลิเวอร์พูล” เริ่มมีโอกาสอย่างมากขึ้น นาที 54 ได้จากจังหวะ ชากิรี่ หยอดเข้าไปในกรอบให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พุ่งกระแทกแต่ว่าบอลไปตรงตัวฟาเบียนสกี้
นาที 56 โอริกี้ ทำทิ่มอลก่อน “ขุนค้อน” สวนกลับอย่างเร็วบอลขึ้นมาทาง จาร็อด โบเล่น ปาดเข้ากึ่งกลางให้ มิคาอิล อันโตนิโอ ซัดผ่านไม่ลเนอร์ถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 57 เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนตัวคนแรกถอดเอา เจมส์ ไม่ลเนอร์ ออก แล้วส่ง เคอร์ตำหนิส โจนส์ ลงเล่นแทน
และก็เพียงไม่ถึงนาทีที่ โจนส์ อยู่ในสนามก็ทำแอสซิสต์ได้ทันทีหลัง ไหลให้ ซาลาห์ ทางขวาก่อนแต่งบอลเข้าซ้ายแล้วปั่นหนีมือ ฟาเบียนสกี้ ทิ่มตาข่ายเข้าไปให้ ลิเวอร์พูล บุกมาขึ้นนำเจ้าถิ่น 1-0 พร้อมกับเป็นประตูที่ 14 ในลีกนำดาวซัลโวต่อไป
ต่อจากนั้น นาที 68 สกอร์ของ “ลิเวอร์พูล” ขยับนำเจ้าของบ้านห่างเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกลับจากหน้าประตูตัวเอง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วางบอลยาวตอบโต้กลับให้ ชากิรี่ ทางซ้ายก่อนสตาร์วัย 29 ปีจะครอสจังหวะเดียวไปหน้าประตูให้ ซาลาห์ โชว์เฟิร์ชทัช อันเยี่ยมที่สุดด้วยการจับด้วยขวาก่อนจิ้มด้วยซ้ายเบาๆผ่านตัว ฟาเบียนสกี้ เข้าไปอย่างเหนือชั้น เป็นประตูลำดับที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ และก็ประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก
นาที 84 “ลิเวอร์พูล” มานำโด่งเป็น 3-0 จากการเข้าทำอันเยี่ยมที่สุด โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เล่นชิ่งกับ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน ก่อนที่ฟีร์มีโน่จะไหลเข้ากึ่งกลางนิ่มๆให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ยิงเข้าไปง่ายๆ
กระนั้น นาที 88 เวสต์หมูแฮมมาได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 บอลจากลูกเตะมุม อารอน เครสส์เวลล์ เปิดโค้งมากมายลางประตู บอลเลยมาเข้าเท้า เคร็ก ดอว์สัน แปสวนเข้าไปตุงตาข่าย
จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาดับซ่า เวสต์หมูแฮม 3-1 แซงเลสเตอร์ขึ้นอันดับ 3 มี 40 คะแนน ตามหลังอันดับสองอย่าง “ผีแดง” แค่แต้มเดียว และก็ตามจ่าฝูง “เรือใบสีฟ้า” 4 คะแนนแต่ว่าหงส์แข่งมากกว่าหนึ่งเกม ส่วน “ขุนค้อน” หยุดสถิติชนะทุกรายการไว้แค่ 6 ครั้งต่อๆกัน แพ้เป็นเกมที่ 6 ในลีก มี 35 คะแนนรั้งอันดับ 5 ดังเดิม
รายชื่อผู้เล่นทั้งคู่กลุ่ม
เวสต์หมูแฮม (4-2-3-1) : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ – วลาดิเมียร์ คูฟาล, เคร็ก ดอว์สัน, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, แอรอน เครสส์เวลล์ – โทมัส ซูเช็ค, เดแคลุกลน ไรซ์ – จาร์ร็อด โบเว่น (ไรอัน เฟรเดอริคส์ น.79) , ซาเหนื่อย เบนราห์ม่า, ขว้างโบล ฟอร์นัลส์ (อังเดร ยาร์โมเลนเก๋ น.63) – มิคาอิล อันโตนิโอ (มาร์ค โนเบิ้ล น.79)
ผู้จัดการทีม : เดวิด มอยส์
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ตำหนิอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ ไม่ลเนอร์ (เคอร์ตำหนิส โจนส์ น.57) – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิว็อก โอริกี้ (อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน น.80), เซอร์ดาน ชากิรี่ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.69)
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์