ศาลอาญาพิพากษาจำคุกแกนนำกรุ๊ปที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการราษฎรเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปเมืองไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นกษัตริย์” (กปปส.) ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 9 ปีเศษ โดยมี 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์อร่อย ถูกพิพากษาจำคุกด้วย และก็จำต้องหลุดจากตำแหน่งโดยทันที เพราะขาดคุณลักษณะตามรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (24 ก.พ.) ศาลอาญา ถนนรัชดา นัดฟังคำพิพากษาคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตกาลเลขาธิการ กปปส. กับพวกรวม 39 คน เป็นเชลยในความผิดพลาดฐานด้วยกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ล้มล้างระบอบการปกครอง สุมหัวประชุมก่อความจลาจลในบ้านเมืองฯ และก็ข้อกล่าวหาอื่นๆจากการประชุมด้านการเมืองเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
เฉพาะนายสุเทพ และก็นายรวมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นเชลยคดีก่อการร้ายโดยวิธีการใช้
คดีนี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นสำนวนฟ้องแกนนำ 9 คนนำโดยนายสุเทพต่อศาลอาญา และก็ถัดมาฟ้องเพิ่มเติม 30 คน รวมเป็น 39 คน ตอนวันที่ 24 เดือนมกราคม 2561 เชลยทั้งสิ้นให้การปฏิเสธและก็ได้รับการประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีทุกคน

อ่านคำพิพากษากว่า 7 ชั่วโมง
ศาลใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง สำหรับเพื่อการอ่านพิพากษา โดยมีรายละเอียด ดังนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี
นายรวมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณตัด จำคุก 7 ปี
นายอิสสระ สมชัย จำคุก 7 ปี 16 เดือน
นายวิทยา แก้วภราดัย จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
นายถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี
นายณัฏฐพล คราวปกาญจน์ จำคุก 6 ปี 16 เดือน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
สำหรับเชลยรายอื่นๆที่จำต้องคำพิพากษาจำคุกในคดีเดียวกัน ประกอบด้วย
น.ส. อัญชะลี ศัตรูรัก จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
นายถนอม อ่อนเกตุพล จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
นายสมศักดา โกศัยสุข จำคุก 3 ปี
นายสุวิทย์ ทองดีที่สุด หรือพระพุทธอิสระ จำคุก 4 ปี 8 เดือน
นายแสดง เซกัลป์ จำคุก 2 ปี รองลงอาญา ปรับ 26,666 บาท
พล.อ.ท. วัชระ ฤทธิ์คนี จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
พล.ร.อ. ชัย กาญจน์ภาพ จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
ร.ต. แซมดิน เลิศบุศย์ จำคุก 4 ปี 16 เดือน
นายมั่นแม่น กะการดี จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
นายคมสัน ทองศรี จำคุก 2 ปี
นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำคุก 2 ปี
นายสุริยะใส กตะศิลา จำคุก 2 ปี
นายสำราญ รอดเพชร จำคุก 2 ปี 16 เดือน
นายอมร อมรรัตนานนท์ จำคุก 20 เดือน
นายพิเชษฐ พัฒนโชติ จำคุก 1 ปี คอยลงอาญา ปรับ 13,333 บาท
นายกิตตำหนิชัย ใสสะอาด จำคุก 4 เดือน คอยลงอาญา ปรับ 6,666 บาท
นางทยา คราวปกาญจน์ จำคุก 1 ปี 8 เดือน คอยลงอาญา ปรับ 26,666 บาท
3 รมต. พ้นตำแหน่ง
ผลจากคำพิพากษาศาลวันนี้ ทำให้ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ อย่างเช่น นายณัฏฐพล คราวปกาญจน์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ, นายพุทธิพงษ์ ปุณณตัด รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและก็สังคม และก็นายถาวร เสนเนียม รมช.การติดต่อสื่อสาร จำต้องพ้นจากตำแหน่งในรัฐบาลโดยทันที เพราะความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตาม 160(7) และก็มาตรา 170(4) ของรัฐธรรมนูญ ถึงแม้คดียังไม่ถึงที่สุดก็ตาม ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นผู้ออกมายืนยันในหัวข้อนี้
ส่วนกรณีของ ส.ส. มีการพินิจพิจารณากันในหมู่นักการเมืองว่าแม้ยึดตามบรรทัดฐานคดีนายเทพไท เสนตระกูล อดีตกาล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สถานภาพของพวกเขาจำต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 98(6), 101(6) แม้จำต้องคำพิพากษาให้จำคุกและไม่ได้รับการประกันตัว
ตัดสิทธิการเมือง 7 คน
แต่สำหรับนายณัฏฐพล คราวปกาญจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชราชการ, นายรวมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร ปชป. และก็นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. จำต้องหลุดจากสภา เนื่องจากศาลอาญายังสั่งล้มเลิกสิทธิด้านการเมืองของพวกเขาเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งนอกจากเชลย 3 คนนี้ ยังมีคำบัญชาล้มเลิกสิทธิการเมืองของนายสุวิทย์ ทองดีที่สุด, ร.ต. แซมดิน เลิศบุศย์, นายสำราญ รอดเพชร และก็นางทยา คราวปกาญจน์ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าสนใจลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ด้วย
แม้กระนั้นในข้อกล่าวหากบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ศาลพิเคราะห์หลักฐานแล้วเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยได้แก่การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มุ่งหมายรัฐบาลลาออก ให้มีการปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาประเทศก่อนลงคะแนนเสียง จึงไม่มีลักษณะล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ โดยที่คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญส่งผลผูกพันทุกองค์กร วินิจฉัยแล้วไม่มีเจตนาความผิดพลาดฐานกบฏ
สิ่งที่ทำให้เกิดภาพ,THAI NEWS PIX
คำพรรณนาภาพ,
อดีตกาลแกนนำ กปปส. เดินทางมาถึงศาลอาญาเพื่อฟังคำวินิจฉัย
“อะไรจะกำเนิดก็จำต้องกำเนิด”
ก่อนเข้าไปในห้องพิจารณาคดีเพื่อรับฟังคำพิพากษา นายสุเทพกล่าวว่า “อะไรจะกำเนิดก็จำต้องกำเนิด” โดยบอกว่าเชลยทั้ง 39 คนได้คุยกัน และก็ทำใจไว้แล้วไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาเช่นไร แต่ย้ำว่าการต่อสู้ของพวกเขาเป็นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นพฤติกรรมที่รับผิดชอบ ไม่ได้ปรารถนาฝ่าฝืนกฎหมาย เคารพนับถือกฎหมายในกระบวนการยุติธรรม และก็น่าสดชื่นมากมายทุกกรณีทุกจังหวัดที่แนวร่วม กปปส. ถูกฟ้องร้อง ไม่มีใครหลบหนีคดี
เวลาที่บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดา มีราษฎรเดินทางมาให้กำลังใจเชลยทั้ง 39 คน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นโดยรอบพื้นที่ศาล
• “ม็อบนกหวีด” กับ 4 เรื่องเบื้องหลัง กปปส.
• สุเทพ: “สิ่งที่ดีที่สุดภายใต้ความน่าจะเป็นเป็น พล.อ.ประยุทธ์”
• วันเกิดครบรอบ 68 ปีกับ 4 ตำนานการเมืองของ “กำนันสุเทพ”
• สุเทพ-ขวา ครบ 70 ปี พวกเขาจะอยู่สำหรับเพื่อการประเทศไทยไปอีกนานแค่ไหน
กปปส. นำโดยนายสุเทพจัดแจงประชุมเป็นครั้งแรกตอนวันที่ 31 ตุลาคม 2556 รอบๆ ถนนเลาะสถานีรถไฟสามเสน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อต้านการช่วยสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม “ฉบับสุดตรอก” ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ คุ้นชินวัตร เปลี่ยนเป็นจุดเริ่มแรกของการประชุมบนท้องถนนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ลากยาวเป็นเวลา 204 วัน ก่อนที่จะสิ้นสุดในวันที่ 22 เดือนพฤษภาคม 2557 เมื่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์อร่อย นำแผนกรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติยึดอำนาจ
สำหรับการกระทำความผิดพลาดที่อัยการนำเสนอในคำฟ้อง สรุปสาระสำคัญได้ว่า
• ก่อตั้งคณะบุคคลที่ใช้ชื่อว่า กปปส.
• ด้วยกันสุมหัว เป็นอั้งยี่ ถ้ำโจร ก่อตั้งกองกำลัง แบ่งภาระหน้าที่กันกระทำก่อความผิดพลาดต่อความยั่งยืนของเมืองด้านในราชอาณาจักร
• ยุยงปลุกระดมให้ราษฎรทั้งประเทศเอาใจออกห่าง ร่วมประชุมขับไส น.ส. ยิ่งลักษณ์ คุ้นชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ในช่วงเวลานั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง
• กีดกั้นการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรี และก็ ครม. ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ
• ให้ข้าราชการชั้นสูงรายงานตัวกับกรุ๊ป กปปส.
• ตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็น “รัฐบาลราษฎร” เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งตั้งนายกรัฐมนตรี และก็ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลฯ เอง
• ก่อตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งส่วนใดพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและก็หน่วยงานสำคัญหลายที่ เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้
• ห้ามกีดกั้นทางการติดต่อสื่อสารขนส่งส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน
• ปิดจังหวัดกรุงเทพมหานคร ด้วยการตั้งเวทีทักทาย 7 จุดทั่วจังหวัดกรุงเทพมหานคร ห้ามเส้นทางการจราจร ก่อตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวเนื่อง
กรุ๊ปผู้ให้การสนับสนุนมาให้กำลังใจผู้ต้องหาคดีกบฏ กปปส. ที่หน้าศาลอาญา
ศาลไม่ให้รับรอง เข้าตารางโดยทันที 8 คน
เมื่อเวลา 19.34 น. นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตกาลแกนนำ ปปปส. ปัจจุบันนี้ครองตำแหน่ง รองผู้ว่าราชการจ.กรุงเทพฯ โพสต์ทางบัญชีเฟซบุ๊กว่า “กำนัน พี่ตั้น พี่บี พี่ลูกหมี พี่ถาวร ไม่ได้ประกันตัวนะครับ ???” ซึ่งหมายถึง
• นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
• นายณัฏฐพล คราวปกาญจน์
• นายพุทธิพงษ์ ปุณณตัด
• นายรวมพล จุลใส
• นายถาวร เสนเนียม
ส่วนอีก 3 คน อย่างเช่น
• นายสุวิทย์ ทองดีที่สุด หรือพระพุทธอิสระ
• ร.ต. แซมดิน เลิศบุศย์
• นายอิสสระ สมชัย
สิ่งที่ทำให้เกิดภาพ,THAI NEWS PIX
คำพรรณนาภาพ,
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในห้องกักที่ศาลอาญา หลังคำวินิจฉัย แปลงชุดเป็นเสื้อเหลืองเพื่อคอยส่งไปคุก
ราว 20.30 น. ผู้ต้องขังทั้ง 8 คน ถูกนำตัวจากศาลอาญาขึ้นรถกักของคุกไปจำคุกที่คุกพิเศษจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยมีราษฎรปริมาณหนึ่งเดินทางมาส่ง พร้อมร้อง “สู้ไม่ถอย” ที่ใช้ร้องระหว่างการประชุมปิดจังหวัดกรุงเทพมหานคร แล้วมีเสียงร้องว่า “คนชั่วหนีหมด คนดีหนีเข้าตาราง คนชั่วหนีไปยังต่างประเทศ ถัดไปผู้ใดกันแน่จะออกมาสู้”
นางทยา คราวปกาญจน์ ที่ถูกจำตาราง 1 ปี 8 เดือน คอยลงอาญา ปรับ 26,666 บาท กล่าวกับนักข่าวหน้าศาลในภาวะหนีบไม้เท้าที่แขนทั้งสองข้างว่า ผู้ต้องโทษทั้งสิ้นจะขออุทธรณ์และก็ขอประกันตัวอีกรอบ
นอกจากคดีกบฏ กปปส. ชุดใหญ่ ยังมีคดีย่อยๆที่ถูกแยกสำนวนออกไป โดยศาลอาญาพิพากษาเมื่อ 25 กรกฎาคม 2562 ยกฟ้อง 4 แกนนำ กปปส. ประกอบด้วย นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายเสรี วงษ์มณฑา, นายสมบัติ ธำรงมั่งคั่งญวงศ์ และก็นายสกลธี ภัททิยกุล ในความผิดพลาดฐานด้วยกันเป็นกบฏและก็อื่นๆรวม 8 ข้อกล่าวหา โดยบอกเหตุผลว่าหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่เพียงพอฟังได้ว่าเชลยทั้ง 4 กระทำผิดตามฟ้อง ถัดมาอัยการได้ขออุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 6 เดือนพฤษภาคม